มูลนิธิส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐานในพระสังฆราชูปถัมภ์ (“มูลนิธิฯ”) ตระหนักดีถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลที่สามารถหรืออาจระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) ซึ่งผู้เข้ารับการอบรม อาสารับใช้ธรรมะ ตลอดจนบุคคลผู้เกี่ยวข้องได้ให้ไว้ ซึ่งมูลนิธิฯ มีการเก็บรวบรวม การใช้ และ/หรือ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (“การประมวลผล”) มูลนิธิฯ จึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) ฉบับนี้ขึ้นเพื่อให้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง (“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) นโยบายฉบับนี้ จะอธิบายและแจ้งให้ท่านทราบถึงเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ · ข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิฯ มีการเก็บรวบรวม · ช่องทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน · วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน · การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก · ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล · สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล · การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ · ข้อมูลเพิ่มเติมและช่องทางการติดต่อสอบถาม ท่านจะต้องอ่านและทำความเข้าใจนโยบายฉบับนี้อย่างละเอียด ดังนี้ 1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิฯ มีการเก็บรวบรวม ในการดำเนินการของมูลนิธิฯ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราเก็บรวบรวมหรือจะเก็บรวบรวม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับเราโดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่เราได้รับมาจากบุคคลภายนอก หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ ประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้ ข้อมูลส่วนตัว | เช่น | ชื่อ นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ พรรษา เพศ สัญชาติ ศาสนา อาชีพ รูปถ่าย หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง การศึกษา สถานภาพการสมรส ความสัมพันธ์ในครอบครัว ประวัติสุขภาพและประวัติการรักษาพยาบาล ข้อมูลการตั้งครรภ์ ประวัติการใช้สิ่งเสพติด ภาษาที่ใช้ที่มีความเข้าใจ และภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ลายมือชื่อ ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติกรรมฐาน และการปฏิบัติในแนวทางอื่นๆ ประวัติการเข้าอบรมกับมูลนิธิฯ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ประวัติอาชีพ/ทำงาน ครอบครัว/ภูมิหลังและวิกฤตการณ์สำคัญในชีวิต ประวัติการเป็นธรรมบริกร การรักษาศีล ทักษะความสามารถ ประวัติการฉีดวัคซีนและผลการตรวจโรค เป็นต้น | ข้อมูลการติดต่อ | เช่น | หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ข้อมูลผู้ปกครอง และข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ เป็นต้น | ข้อมูลเกี่ยวกับการ ใช้งานระบบสมาชิกต่างๆ | เช่น | ข้อมูลที่ท่านกรอกขณะลงทะเบียนสมัครสมาชิกและสมัครเข้ารับการอบรมของมูลนิธิฯ (เช่น ชื่อบัญชีสมาชิก (Account ID) ข้อมูลสมาชิก รหัสผ่าน (Password) เป็นต้น | ข้อมูลเกี่ยวกับการ เข้ารับการอบรม | เช่น | ประวัติการเข้าอบรมในหลักสูตรต่างๆ ประวัติการเป็นธรรมบริกร รวมถึงข้อจำกัดและปัญหาของท่านที่ปรากฏในระหว่างการเข้าอบรม เป็นต้น | ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน | เช่น | หมายเลขบัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ใบเสร็จรับเงิน และรายละเอียดหรือข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินอื่น ๆ เป็นต้น | ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง | เช่น | เดินทางมาอบรมด้วยตนเองหรือเดินทางมาอบรมด้วยยานพาหนะที่มูลนิธิฯ จัดเตรียม เป็นต้น | ข้อมูลอื่น ๆ | เช่น | รายละเอียดการบริจาคเงินและสิ่งของ รายละเอียดคู่ครองรวมถึงทัศนคติและการปฏิบัติกรรมฐานของคู่ครอง ชื่อนามสกุลและความสัมพันธ์ของเพื่อนหรือญาติที่เข้ารับการอบรมด้วย และบันทึกภาพและเสียงผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น | ในกรณีที่มูลนิธิฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ มูลนิธิฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่มูลนิธิฯ ได้แจ้งไว้แก่ท่าน อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ หากท่านไม่ประสงค์ให้มูลนิธิฯ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ท่านสามารถติดต่อมายังมูลนิธิฯ เพื่อขอยกเลิกความยินยอม ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 8. ของนโยบายฉบับนี้ 2. ช่องทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน มูลนิธิฯ อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ · เมื่อท่านได้กรอกและแถลงข้อมูลลงในใบสมัครเพื่อเข้ารับการอบรม หรือการเป็นธรรมบริกร ผู้สนับสนุนและช่วยเหลือในกิจกรรมของมูลนิธิฯ และ/หรือเมื่อท่านลงทะเบียนเข้าถึงหรือใช้เว็บไซต์ www.thaidhamma.net (“เว็บไซต์”) หรือทางช่องทางอื่น ๆ ที่มูลนิธิฯ มีการจัดไว้เพื่อการดำเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ · เมื่อท่านติดต่อสื่อสารกับมูลนิธิฯ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารเป็นหนังสือหรือวาจา โดยไม่คำนึงว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ติดต่อก่อน · เมื่อท่านส่งคำร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ไว้หรือเคยให้ไว้ หรือคำร้องขออื่นใดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของการส่งแบบฟอร์มและเอกสารที่เกี่ยวข้อง · เมื่อท่านติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ อาจารย์ บุคลากรของมูลนิธิฯ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้กระทำการแทน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องของมูลนิธิฯ (เรียกรวมกันว่า “บุคลากรของมูลนิธิ”) ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล การพบปะกันโดยตรง การสัมภาษณ์ ข้อความสั้น (SMS) โทรสาร ไปรษณีย์ หรือโดยวิธีการอื่นใด · เมื่อได้รับการแนะนำหรือการให้ข้อมูล ตลอดจนเมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยบุคลากรของมูลนิธิฯ · เมื่อท่านส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่มูลนิธิฯ เพื่อเข้าร่วมในการเข้ารับการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดขึ้นโดยหรือในนามของมูลนิธิฯ · เมื่อมูลนิธิฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกเกี่ยวกับท่าน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการได้รับข้อมูลจากการตรวจสอบจากแหล่งข้อมูลที่เป็นสาธารณะ แหล่งข้อมูลส่วนตัว หรือแหล่งข้อมูลอื่นทางเว็บไซต์ แหล่งข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่มูลนิธิฯ อาจได้รับ (“แหล่งข้อมูลที่เป็นบุคคลภายนอก”) · เมื่อมูลนิธิฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกเกี่ยวกับท่านเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมาย และเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการกำกับดูแลในประการอื่น ๆ ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกแก่มูลนิธิฯ (ซึ่งบุคคลภายนอกดังกล่าว รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงผู้สมัคร สมาชิกในครอบครัว คู่ครองในทางนิตินัยและพฤตินัย) ท่านตกลงรับรองความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น พร้อมทั้งรับรองและยืนยันว่าท่านได้แจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบอย่างครบถ้วนแล้วเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้ ตราบเท่าที่กฎหมายอนุญาต ท่านตกลงเพิ่มเติมที่จะดำเนินการให้มูลนิธิฯ ได้รับการชดใช้อย่างเต็มที่ ต่อความเสียหาย ความสูญเสีย การลงโทษ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงแต่ไม่จำกัดเพียงค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการดำเนินคดี ไม่ว่าในประการใด ๆ ซึ่งเรียกเก็บโดยหน่วยงานตามกฎหมาย หรือบุคคลผู้ได้รับความเสียหาย อันเกิดจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำหรือการละเว้นไม่กระทำของท่านในการปฏิบัติหน้าที่เหล่านั้น หรือที่ส่งผลให้มูลนิธิฯ ถูกกล่าวหาหรือลงโทษฐานฝ่าฝืนกฎหมายที่ใช้บังคับ 3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้ · เพื่อดำเนินการ ปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการลงทะเบียน ตลอดจนการสมัครและการเป็นสมาชิกของมูลนิธิฯ · เพื่อดำเนินการ ปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการและจัดการเกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกอบรมของมูลนิธิฯ · เพื่อพิจารณาอนุมัติและปฏิเสธเกี่ยวกับการสมัครของท่านสำหรับการอบรมหลักสูตรต่างๆ ของมูลนิธิฯ ตลอดจนถึงการสมัครรับใช้ธรรมะและการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิฯ · เพื่อรับข่าวสารประชาสัมพันธ์ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของมูลนิธิฯ · เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้และฝึกอบรมเกี่ยวกับการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมของอาสารับใช้ธรรมะ · เพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่างมูลนิธิฯ กับท่าน ซึ่งรวมถึงส่งข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการและข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับหลักสูตรการอบรมที่ท่านเข้าร่วมหรือประสงค์จะเข้าร่วม การให้การสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิฯ หรือการสื่อสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต · เพื่อให้ท่านสามารถเข้าถึงเนื้อหาในเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ หรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการเฉพาะ · เพื่อการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดภายใต้นโยบายของมูลนิธิฯ · เพื่อบริหารจัดการ จัดเก็บ บันทึก สำรอง หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล · เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อตกลง หรือนโยบายที่ใช้บังคับ ซึ่งกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานตามกฎหมายที่มีอำนาจ รวมถึงเพื่อการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบภายใน หรือการตรวจสอบจากบุคคลภายนอก · เพื่อบังคับใช้กฎหมาย หรือให้ความช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานตามกฎหมายที่มีอำนาจ การดำเนินการตามหน้าที่ในการรายงาน และข้อกำหนดต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่มีการตกลงเห็นชอบกับหน่วยงานรัฐในประเทศหรือเขตการปกครองใด ๆ หรือการดำเนินการตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานตามกฎหมายที่มีอำนาจ · เพื่อการดำเนินการอื่น ๆ ที่จำเป็น ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ใด ๆ ข้างต้น ท่านอาจเลือกที่จะไม่ให้มูลนิธิฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลบางประการ อย่างไรก็ดี การที่ท่านเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลบางประการดังกล่าว อาจเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการดำเนินกิจกรรมของมูลนิธิฯ กับท่าน หรือต่อการจัดการอบรมตามหลักสูตรต่าง ๆ ของมูลนิธิฯ ให้ท่าน ทั้งนี้ รวมถึงการดำเนินการตามคำขอ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เช่น มูลนิธิฯ อาจไม่สามารถอนุมัติให้ท่านรับการเข้ารับการอบรมได้ เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลบางประการที่ท่านปฏิเสธไม่ให้มูลนิธิฯ ประมวลผลนั้น เป็นข้อมูลที่มีความจำเป็นในการพิจารณาตอบรับการสมัครเข้ารับการอบรมของท่าน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะปกป้องท่าน ผู้เข้ารับการฝึกอบรมท่านอื่น และบุคลากรของมูลนิธิฯ เว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับจะอนุญาตให้กระทำเป็นอย่างอื่น มูลนิธิฯ จะแจ้งและขอความยินยอมจากท่าน (ในกรณีที่จำเป็น) หากมูลนิธิฯ ประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายฉบับนี้ 4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่บุคคลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ · บุคคลที่ได้รับอนุญาตให้กระทำการในฐานะบุคลากรของมูลนิธิฯ เท่าที่เกี่ยวข้องและตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน · ที่ปรึกษาของมูลนิธิฯ เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด เป็นต้น · หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย คณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท หรือตามหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบในประเทศไทย และ/หรือ ในเขตปกครองหรือประเทศอื่น แล้วแต่กรณี · บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ · บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น มูลนิธิฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หากมูลนิธิฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ มูลนิธิฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้มั่นใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้น มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณี มูลนิธิฯ อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น มูลนิธิฯ จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน มูลนิธิฯ จะขอความยินยอมจากท่านก่อน 5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล มูลนิธิฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ นานเท่าที่จำเป็นเพื่อการดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุข้างต้น โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ และโดยคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ ก. ระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) ข. อายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นจาก หรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิฯ เก็บรวบรวมไว้ในแต่ละรายการ ค. แนวปฏิบัติของมูลนิธิฯ ที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท ทั้งนี้มูลนิธิฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์ ยกเลิกการเป็นสมาชิก หรือการติดต่อครั้งสุดท้ายกับมูลนิธิฯ มูลนิธิฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต หรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของมูลนิธิฯ ทั้งนี้มูลนิธิฯ จะมีการดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่าน ตามระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น 6. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้ · ขอให้เพิกถอน หรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตการให้ความยินยอมของท่านได้ให้ไว้กับมูลนิธิฯ · เข้าถึง หรือขอรับสำเนาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด · ขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน ครบถ้วนสมบูรณ์ · ขอให้ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ทั้งนี้ ในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้สิทธิแก่ท่าน · ขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด · ขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด · ขอให้มูลนิธิฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด · ยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งตามพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ มูลนิธิฯ จะดำเนินการตามสิทธิของท่าน เมื่อมีการร้องขอตามช่องทางการขอใช้สิทธิด้านล่าง โดยมูลนิธิฯ อาจขอสงวนสิทธิไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน ตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายที่ใช้บังคับจะอนุญาต ช่องทางการขอใช้สิทธิ ท่านสามารถส่งคำร้องขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามช่องทางด้านล่าง กรุณาดาวน์โหลดแบบฟอร์มการขอใช้สิทธิทางเว็บไซต์ www.thaidhamma.net และส่งถึงเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล ที่อีเมล
This email address is being protected from spam bots, you need Javascript enabled to view it
7. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ มูลนิธิฯ อาจเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด โดยมูลนิธิฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญใดๆ ผ่านช่องทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้เป็นระยะ ๆ ให้นโยบายฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 8. ข้อมูลเพิ่มเติมและช่องทางการติดต่อสอบถาม หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใด ๆ ในนโยบายฉบับนี้ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของมูลนิธิฯ เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรุณาติดต่อเราที่ มูลนิธิส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐานในพระสังฆราชูปถัมภ์ ที่อยู่: 100/513 หมู่ที่ 5 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 11110 โทร: 063-763-0026 (ในเวลาราชการ) อีเมล:
This email address is being protected from spam bots, you need Javascript enabled to view it
|